มาริโอ ตามัญโญ (Mario Tamagno) เป็นสถาปนิกชาวอิตาลี เกิดที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2420 จบการศึกษาทางด้านสถาปัตยกรรม จากสถาบันประณีตศิลป์ อัลแบร์ติน่า ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี
หลังจบการศึกษานายมาริโอ ตามัญโญ ได้เดินทางเข้ามารับราชการในประเทศไทย โดยได้เข้ามารับราชการในกระทรวงโยธาธิการแห่งประเทศสยาม ซึ่งได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯในปีพ.ศ. 2443 โดยมีสัญญาว่าจ้างในการทำงานกับรัฐบาลไทยเป็นจำนวน 25 ปี
ซึ่งในขณะนั้นเองเป็นช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชนิยมในงานศิลปะอิตาเลียน จึงทำให้ผู้บังคับบัญชา ผู้ร่วมงานในกระทรวงโยธาธิการในขณะนั้นเป็นชาวอิตาเลียนเกือบทั้งหมด โดยฝีมือ และผลงานของเขาเป็นที่น่ายกย่องอย่างมาก
ตามัญโญ ยังได้รับ ความไว้วางพระทัย และพระเมตตา จากสมเด็จฯ เจ้าฟ้า กรมพระยา นริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งเป็นบิดาของวงการสถาปัตยกรรมของไทยและเป็นองค์เสนาบดี กระทรวงโยธาธิการ ตลอดระยะเวลา ยี่สิบห้าปี ในการรับราชการ ในราชสำนักสยาม ผลงาน การออกแบบของเขา มีมากมาย เริ่มจากชิ้นแรกคือ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ต่อจากนั้น ก็ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน และพระที่นั่งอภิเษกดุสิต ในพระราชวังดุสิต, วังบางขุนพรหม,ตำหนักปารุสกวัน และตำหนักจิตรลดา สะพานผ่านฟ้าลีลาศ, พระที่นั่งราชฤทธิ์รุ่งโรจน์ และก่อนจะสิ้นรัชกาล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามัญโญ ได้เริ่มงาน โครงการขนาดใหญ่ สองชิ้น คือ พระที่นั่งอนันตสมาคม และพระราชวังพญาไท
พอมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ผลงานสถาปัตยกรรมของตามัญโญ ยิ่งหลากหลายมากขึ้น เขาออกแบบ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สถานีรถไฟหัวลำโพง ,สถานีรถไฟสวนจิตรลดา, สะพานขนาดเล็กในชุด "เจริญ" ที่สร้างขึ้น ในโอกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา ของรัชกาลที่ 6 หลายแห่ง, ที่ทำการ กระทรวงพาณิชย์, บ้านนรสิงห์ ของเจ้าพระยา รามราฆพ (ปัจจุบันคือ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล) ,บ้านบรรทมสินธุ์ ของเจ้าพระยา อนิรุทธเทวา (ปัจจุบันคือ บ้านพิษณุโลก) และ ห้องสมุด เนลสัน เฮย์ส
หลังจากสัญญาที่ทำไว้กับรัฐบาลสยามหมดอายุลง ในปี พ.ศ.2468 มาริโอ ตามานโญ ยังคงควบคุม การก่อสร้างที่ บ้านนรสิงห์ ต่อมาอีกระยะหนึ่ง แล้วจึงเดินทางกลับ ไปยังอิตาลี
เมื่อกลับมาถึงประเทศอิตาลี เมืองตูริน ในปี พ.ศ.2469 แตกต่างไปจากเมืองตูริน ที่ตามัญโญ เคยรู้จัก เป็นอย่างมาก และยิ่งห่างไกลจาก ราชสำนักสยาม ที่เขาเคยใช้ขีวิตอยู่ ถึงเสี้ยวหนึ่งของ ศตวรรษ อิตาลีในขณะนั้น อยู่ในระยะเริ่มต้นของ ระบอบฟาสซิสม์ มีการออกกฎหมายใหม่ ให้สถาปนิก ต้องเข้าเป็น สมาชิก ในองค์กรสถาปนิก ตามัญโญ จึงต้องรวบรวมเอกสาร ภาพถ่าย และแบบแปลน เพื่อจัดทำรายการผลงาน ยื่นแสดงเพื่อการนั้น
ตามัญโญยังคงประกอบอาชีพสถาปนิกต่อมา และยังคงท้าทายต่อ ระบอบทางการเมือง ที่เขาไม่พอใจ ดังมีหลักฐานว่า ในบรรดา สถาปนิกตูริน มีเขาเพียงคนเดียว ที่มิได้เป็นสมาชิก พรรคฟาสซิสต์ ทว่า เขาก็มิได้ มีชีวิตอยู่ยืนยาว พอที่จะเห็น ความล่มสลายของมัน ตามานโญ ถึงแก่กรรม ด้วยโรคมะเร็ง ในเดือนมกราคม ปี พ.ศ.2484
อาคารที่น่าสนใจที่ตามัญโญได้ออกแบบในเมืองไทยที่พอจะให้ประชาชนอย่างพวกเราเข้าไปศึกษาพื้นที่ภายในได้อย่างง่ายหน่อย ได้แก่
ห้องสมุดเนียลสัน เฮส์
เป็นห้องสมุดที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ก่อตั้งในสมัยหมดบรัดเลย์ หมดสมิธ ราวปี พ.ศ.2411 โดยภรรยาของหมอทั้งสอง ทำเป็นบาร์ซาร์เพื่อหาเงินมาซื้อหนังสือเพิ่มเติมแล้วแลกกันอ่าน และตั้งเป็น "The Bangkok Ladies Library Association" โดยไม่หวังผลกำไรจากนั้นห้องสมุดก็ร่อนเร่ไปอาศัยสถานที่ต่างๆ อยู่ระยะหนึ่งต่อมามีแหม่มชาวเดนมาร์ก ชื่อ Jennie Neilson Hays มาเป็นกรรมการอยู่ 25 ปี จนเสียชีวิต
พ.ศ.2464 สามีเธอ คือ หมอ T.Heyward Hays จึ่งได้สร้างตึกหลังนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ภรรยา ตึกห้องสมุดเนลสัน เฮย์ หลังนี้ เป็นตึกชั้นเดียวที่มีทรงสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโบราณ ประกอบด้วยหลังคาโค้งทรงกลม หัวต้นทุกต้นสลักลวดลายสวยงาม ข้างในห้องสมุดยังมีห้องแสดงงานศิลปะ “โรทันดาแกลลอรี่” มีผลงานที่ได้การคัดสรรค์เป็นอย่างดีมาจัดแสดงอยู่ตลอดปี บางครั้งก็มีศิลปินหรือนักเขียนมานั่งคุยด้วยกันอย่างเป็นกันเองอีกด้วย


สถานีรถไฟจิตรลดา
สถานีรถไฟจิตรลดา หรือ สถานีรถไฟหลวงสวนจิตรลดา เป็นสถานีที่สร้างขึ้น สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เมื่อมีการเสด็จฯ ทางรถไฟ อีกทั้งได้เคยใช้เป็นสถานที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะในบางโอกาส ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ถนนสวรรคโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของทางรถไฟ โดยอาคารหลังปัจจุบันนี้ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2464 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อทดแทนอาคารหลังเดิมที่เป็นอาคารไม้ สร้างมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
สถานีนี้ก่อสร้างเป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว สไตล์ยุโรป Italian Renaissance ตัวอาคารมีพื้นที่ 760 ตารางเมตร เสาอาคารมีลักษณะเป็นเสาคู่ ประดับครุฑพ่าห์ที่มุมทั้งสี่ของเพดาน ใช้สำหรับเป็นสถานีเมื่อมีการเสด็จฯ ทางรถไฟ เคยใช้เป็นสถานที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะด้วย เช่น สมเด็จพระนโรดมสีหนุ แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา, สมเด็จพระเจ้าเฟรดดริคที่ 9 แห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก และรวมทั้งยังมี ประธานาธิบดีซูการ์โน แห่งประเทศอินโดนีเซีย


สถานีรถไฟหัวลำโพง
เริ่มต้นสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2453 ปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ใช้ระยะเวลาก่อสร้างกว่า 7 ปี จนแล้วเสร็จ และเปิดใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2459 ในสมัยรัชกาลที่ 6 นับเป็นชุมทางคมนาคมขนาดใหญ่ หรูหรา และทันสมัยมากในยุคนั้น มีโรงแรมราชธานีอยู่ภายในสถานี ไว้คอยบริการสำหรับนักเดินทางไกลพร้อมสรรพ...
สถานีรถไฟหัวลำโพง ออกแบบโดย นายมาริโอ ตามัญโญ สถาปนิกชาวอิตาเลียน ซึ่งเข้ามารับราชการอยู่ที่กระทรวงโยธาธิการ ในราชสำนักสยาม และมีผลงาน "ศิลปะสถาปัตย์" ที่สำคัญมากมาย คงไว้เป็น "มรดกอารยะ" คู่ประเทศไทย...รูปแบบของสถานี ได้รับอิทธิพลมาจากสถานีรถไฟเมืองแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี (Frankfurt Germany) วัสดุสำเร็จรูปที่ใช้ในการก่อสร้าง ก็สั่งนำเข้ามาจากประเทศเยอรมนี เช่นกัน


ตัวอาคารเป็นลักษณะทรงโดมสไตล์อิตาเลียน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิค (Classicism) ที่เลียนแบบมาจากสถาปัตยกรรมโบราณของกรีก-โรมัน ตกแต่งด้วยลวดลายเหล็กดัด ปูนปั้น แบบศิลปะในยุคเรอเนสซองส์ (Renaissance) ไว้อย่างวิจิตร สวยงาม...
โดดเด่นด้วยกระจกสี ที่ประดับบนหลังคาโค้งขนาดใหญ่ เป็นช่องระบายอากาศทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดตั้งไว้กลางโดม เป็นสัญลักษณ์ของสถานีรถไฟหัวลำโพง ที่ยังคงสาดแสงสะท้อน บอกเวลานักเดินทางมาจนถึงวันนี้...หากย้อนเวลาที่เริ่มต้นก่อสร้าง เมื่อปี พ.ศ. 2453 ในปีหน้า พ.ศ. 2553 สถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าแห่งนี้ ก็จะถึงวาระฉลองครบ 100 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น